วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 อันดับดาราที่สวยที่สุด

วันนี้เรามีการจัด 10 อันดับความสวยของดาราไทยที่สวยที่สุดมาให้ดูกันจริงๆ แล้วความสวยนั้นวัดกันยาก และอยู่ที่ความชอบโดยส่วนตัวของแต่ละคนอีกด้วย ฉะนั้นการจัดอันดับความสวยของดาราไทยอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจหลายๆคน ก็คงไม่ว่ากันนะคะ
อันดับความสวยงาม คัดแต่ดาราหญิงนะจ้ะ ไม่รวมดาราชาย อิอิ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายจะสวยกว่าผู้หญิงแล้ว 10 อันดับดาราไทยที่สวยที่สุดได้แก่
อันดับ 10 ได้แก่
แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
อันดับ 9 ได้แก่
นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี
อันดับ 8 ได้แก่
ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่
อันดับ 7 ได้แก่
พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช
อันดับ 6 ได้แก่
ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์
อันดับ 5 ได้แก่
กัญญาพัชญ์ ธนันต์ชัยกานต์ (ชื่อเดิม พลอยปภัส) หรือ หญิง
อันดับ 4 ได้แก่
แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์
อันดับ 3 ได้แก่
จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา
อันดับ 2 ได้แก่
แพท ณปภา ตันตระกูล
และ อันดับ 1 ดาราไทยที่สวยที่สุดได้แก่
อั้ม พัชรา ภาไชยเชื้อ
เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร แสดงความเห็นได้จ้า หรือจะเลือกคนอื่นๆที่ไม่อยู่ใน 10 อันดับมาเสนอกันได้ (ยกเว้นเสนอชื่อตัวเองนะจ้ะ ฮ่าๆ) ปล. การจัดอันดับครั้งนี้ เป็นการจัดอันดับโดยส่วนตัวของแอดมินเองจ้า อิอิ ใครว่า ดาราสาวคนไหนสวยกว่า ก็บอกกล่าวกันได้นะจ้ะ ^_^

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 สัตว์ประหลาดในตำนาน

สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 10 
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ( คีวบิโนะโยโกะ ) ปีศาจในตำนานญี่ปุ่น คำว่า คิว หมายถึง เก้า, บิ หมายถึง หาง และ โยโกะ หมายถึง ปีศาจจิ้งจอก โดยสามารถหมายถึง คิทซึเนะ
ตำนาน ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง สัตว์ประหลาดในตำนาน ประเทศญี่ปุ่น
  • มีที่มาจาก อินเดีย,จีน และ ญี่ปุ่น ซึ่งนัยว่าเป็นปิศาจตนเดียวกัน
  • คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการสืบทอดวัฒนธรรมจากอินเดียไปยังจีน ตามเส้นทางสายไหม และไปยังญี่ปุ่นโดยการเผยแพรทางวัฒนธรรม
  • ชาวญี่ปุ่นโบราณ มักมีความเชื่อเสมอว่า สุนัขจิ้งจอก ตนใดที่มีอายุเกิน100ปีขึ้นไป สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นจะกลายเป็น ปิศาจจิ้งจอก
  • ปิศาจจิ้งจอก มักจะแปลงกายมาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านอยู่เสมอ
  • ปิศาจจิ้งจอก นั้นสามารถสร้างภาพที่เคลื่อนไหวต่างๆให้เป็นภาพลวงตาไว้ คอยกลั่นแกล้งคนที่เดินทางผ่านป่าตอนกลางคืนได้
  • อนเมียวโคคุบงคิวบิ หรือ ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง หนึ่งในผีๆชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 9
พญานาค
เป็นความเชื่อในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นงูขนาดใหญ่มีหงอน เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาลอีกด้วย
ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่อง พญานาค สัตว์ประหลาดในตำนาน ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • น่าจะมาจากอินเดียด้วย
  • มีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ และ ตำนานพุทธประวัติ
  • นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ
  • เชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือ เมืองบาดาล
  • และ เชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่
  • พญานาค นั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง
  • เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง
  • นาคตระกูลธรรมดา จะมีเศียรเดียว
  • แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร
นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร
อนันตนาคราช นั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาค นั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 8 
เท็งกุ
เป็นความเชื่อเรื่อง นกสามขา ที่มีอยู่ทั้งในแถบ ญี่ปุ่นและเกาหลี โดยทางญี่ปุ่นเชื่อว่าเท็งงุ มีภาพลักษณ์ของปีศาจร้าย และมักจะสร้างพายุเข้าโจมตีผู้คนเสมอๆ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ ถูกพายุถล่มบ่อยครั้ง
เท็งงุ เป็นข้ารับใช้ของ ไดเทนกุ ซึ่งมักปรากฏภาพของไดเทนกุ ที่ล้อมรอบไปด้วยเท็งงุ บางความเชื่อนั้นเชื่อว่าเท็งงุไม่ได้เป็นผีร้าย ทั้งยังเป็นปีศาจที่รักสงบและสุภาพ แต่การกระทำร้ายๆนั้น เป็นเพราะเท็งงุต้องทำตามคำสั่ง ของไดเทนกุ
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 7 
ทิคบาลัง ( Tikbalang )
ทิคบาลัง ทิคบาลัง เป็นสัตว์ลึกลับ ครึ่งคนครึ่งม้า ตาสีแดง รูปร่างเหมือนคน หัวเป็นม้า แต่มีสี่ขาเหมือนเซนเทอร์ (สัตว์ในตำนานของกรีก) ขาของมันค่อนข้างยาวสามารถกระโดดได้ไกลมาก ที่อยู่อาศัยของมันอยู่ที่ป่าลึกของ ฟิลิปปินส์  โดยตามความเชื่อของชาวบ้าน ทิคบาลังชอบกินคน โดยการล่อลวงเหยื่อเข้าไปในป่า
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน  อันดับ 6 
แวมไพร์
ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็น ผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่ แวมไพร์ จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพ ร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน
สิ่งที่จะกำราบ แวมไพร์ ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม
วิธีฆ่าแวมไพร์ เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็น แวมไพร์ ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของ แวมไพร์ ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น หวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต
มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น
  • บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า
  • โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา
  • วางไม้กางเขน หรือ ดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง
  • วรรณกรรม แวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุด มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน
วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของแวมไพร์คือ เรื่อง แดรกคูลา ของ บราม สโตกเกอร์ ที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu : A Symphony of Horror ในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น
เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของ แวมไพร์ ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ อาจมีที่มาจากที่ภูมิภาคอเมริกากลางและทวีปอเมริกาใต้
มีค้างคาวขนาดเล็กจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ Desmodontinae มีพฤติกรรมดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน ซึ่งค้าวคาวในวงศ์นี้ก็ได้มีการเรียกชื่อสามัญว่า แวมไพร์ เช่นกัน
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 5 
นางแมงมุม (จูโรคุโมะ )
เชื่อกันว่าเป็น แมงมุมเพศหญิง ที่มีชีวิตติดต่อกันหลายร้อยปี ซึ่งได้ดูดเลือดคนจำนวนมากจนทำให้วิชาอาคมแกร่งกล้าขึ้น พัฒนาเป็นนางแมงมุมในตอนกลางวันนางจะแปลงร่างเป็นผู้หญิงสาวสวยหลอกล่อผู้ชาย มาดูดเลือด
ในอดีต โชกุนมินาโมโตะ โยริมิตสึ เกิดล้มป่วยลง รักษายังไงก็ไม่หายเสียที จึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีปัดเป่าวิญญาณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทนปวดหัว ไข้ขึ้น ทรมานอยู่อย่างนั้น กระทั่งคืนวันหนึ่ง มีพระสงฑ์รูปหนึ่ง สูงประมาณ 2 เมตรมาปรากฏตัวตรงด้านหลังโคมไฟในห้องของท่าน และย่างเท้าเข้ามาหา พร้อมกับปล่อยใยแมงมุมใส่ โชกุนตื่นขึ้นมาพอดี (ขนาดป่วยนะเนี่ย ) จึงรีบคว้าดาบของ ฮิซาคิริมารุ ซึ่งมานอนเฝ้าไข้ ขึ้นมาฟันปีศาจตนนั้นเต็มแรง เมื่อผู้ติดตามด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบรุดเข้ามา ทันเห็นรอยเลือดหยดอยู่ข้างโคมไฟ จึงติดตามรอยนั้นไปจนถึงเนินดินเก่า ๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาจึงลองขุดเนินดินนั้นดู ก็พบปีศาจแมงมุมตัวใหญ่ ผุดขึ้นมาปล่อยใยแมงมุมอีกรอบ แต่ก็โดนฆ่าตายในที่สุด จากนั้นเป็นต้นมา ท่านโชกุนก็หายจากอาการประหลาดนี้เป็นปลิดทิ้ง และไม่เคยป่วยอีกเลยตราบสิ้นอายุขัย
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน  อันดับ 4 
Ala
เป็นสัตว์ในตำนานที่บันทึกไว้ใน บัลแกเรีย ลักษณะเป็นเหมือนลมสีดำ รูปร่างไม่แน่ชัด อาจจะเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ที่สำคัญมันมีความโลภมากๆ และชอบกินเด็กอีกด้วย (ดีนะโตแล้ว) แถมหลายคน
บางเผ่า ยังมีความเชื่อว่า เจ้า Ala สามารถกลินกิน พระอาทิตย์หรือ ดวงจันทร์ ได้อีกด้วย ทำให้ก่อให้เกิดสุริยุปราคา (หรือว่าจะเป็นราหู ???) ถ้ามันทำสำเร็จจะหมายถึงหายนะของโลกนี้
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 3 
เสือสมิง
เป็นตำนานที่กล่าวขานกันมาแต่ นมยาน เอ่ย นมนาน ถึงความน่ากลัวของ ศาสตร์อาถรรพ์ เสือสมิง ที่มีปรากฏเกิดขึ้นว่า
  • เสือที่ดุร้ายและมักชอบจับคนกินเป็นอาหาร
  • เมื่อกินคนมากเข้าวิญญาณคนที่ินเข้าไปนั้น ก็อยู่สิงสู่ในกายเสือ
  • ทำให้เสือตัวนั้นมีความเป็นอาถรรพ์ ที่สามารถจำแลงแปลงกาย เป็นใครต่อใครก็ได้ เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้หลงกล
  • ครั้นยิ่งกินคนมากขึ้น วิญญาณก็ยิ่งสิงสู่ในตัวเสือมากเข้าเท่าใด เสือตัวนั้นก็ยิ่งมีฤทธิ์มีอำนาจมากขึ้นเป็นทวีคูณ
อีกอย่างที่ทำให้เกิดความเป็นเสือสมิง คือ พวกที่เรียนวิชาเสือ คือการเรียกเอาวิญญาณเสือนั้นมาเข้าสิงในตน ผนวกกับคนผู้นั้นร่ำเรียนอาคมในทางเดรัจฉานวิชาด้วย
เมื่อนานเข้า เกิดการรวมตัวในทั้งสองเรื่องที่กล่าว คือ ทั้งวิชาเรียกเสือ และอาคม ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเสือสมิง ครั้นเสือตนนี้ได้ไปกินคนเข้า ก็กลายเป็นเสือสมิงโดยสมบูรณ์
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 2 
มานานังเกล
โดยรูปร่างของ มานานังเกล มีรูปร่าง และหน้าเป็นผู้หญิงโบราณสวย แต่มีปีกขนาดใหญ่ที่หลังมีความสามารถถอดลำตัวของมันแยกออกได้โดยไม่ตาย (ผีแล้วนั้น) และบินออกไปหาเหยื่อ
เรื่องของเจ้า มานานังเกล นั้นน่ากลัวมาก โดยที่ เกาะวิซายัน
  • ผู้คนแขวนกระเทียมจำนวนมาก เพื่อป้องกันเจ้า มานานังเกล 
  • นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าถ้าเอาเกลือมาพรมที่พักของ มานานังเกล และพรมที่ท่อนบนที่เจ้า มานานังเกล แยกตัวออก(ตรงรอยต่อนั้นแหละ) มันจะตายเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
  • ความจริง มานานังเกล ก็ไม่มีอันตรายอย่างตรงไปตรงมา เว้นสิ่งเหลวที่พ่นใส่ปากหญิงตั้งครรภ์จะทำลายเด็กในครรภ์ได้
  • ชอบกินหัวใจเด็ก(เหมือนปอบ)
  • ชอบกินลูกไก่ของชาวบ้านอีกด้วย

สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 1 
ไลแคนท์
ไลแคนท์ หรือ Lycantrope คือ มนุษย์ที่ถูกสาบด้วยเวทมนต์ หรือยินยอมที่จะเป็น หรือถูกกัดโดยไลแคนท์ตัวอื่น (สืบทอดทางสายเลือดด้วย) ในตอนแรกจะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ถ้าปล่อยจนเนิ่นนานจะกลายเป็นไลแคนท์เต็มตัว เพราะจะไม่สามารถควบคุมจิตใจของตนได้อีกต่อไป
ส่วนวิธีแก้ ไลแคนท์ คือ ต้องถอนคำสาปก่อนที่จะกลายเป็นไลแคนท์เต็มตัว ไม่งันจะกลับไปเป็นมนุษย์อีกไม่ได้
  • แต่ว่าถ้าสิบทางสายเลือดนี่ หมดทางเยียวยา!
  • บางครั้งอาจเรียกมนุษย์ที่ถูกสาปเป็นสัตว์ร้ายว่า Lycantrope ได้เหมือนกัน

10 อันดับสุนัขสุดฮิต ติดอันดับยอดนิยมของโลก

10. ชิ วา วา (พันธุ์ขนเรียบ),(Chihuahua smooth coat)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group ยัง คงครองอันดับ 10 อย่างอยู่ตัว ตั้งแต่ ปี 2545 เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนาดพกพา ตาโต ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก อดีตเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารและถูกบูชายัญ มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ขนเรียบและพันธุ์ขนยาว ชิ วา วา มีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว มีน้ำหนักเฉลี่ย 0.9 - 2.7 กิโลกรัม จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ อาจมีสีเดียวอย่างแดงน้ำตาล ทอง หรือสลับขาวน้ำตาล หัว หน้าผากต้องกลมโค้งเป็นรูปแอปเปิ้ล หูตั้ง ปากสั้นแหลม ขนสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ขนยาวจะไม่หยิกม้วน สุนัขพันธุ์นี้หลายคนต่างหลงใหล เพราะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ ขี้ประจบ เป็นสุนัขเฝ้าระวัง เตือนภัยได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ไม่ชอบอากาศเย็น ราคาจำหน่าย ทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,000-10,000 บาท ระดับประกวด ราคา 10,000 บาท ขึ้นไป

9. บีเกิ้ล (Beagle)


สุนัขในกลุ่ม Hound Group สุนัข ล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บี เกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะ ทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000-15,000 บาท

8. ยอร์กไชร์เทอร์เรีย(Yorkshire Terrier)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group สุนัข ตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่นในอพาร์ตเม้นต์ได้ดี ลักษณะ ทั่วไป สี มี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000 - 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด

7. บูลล์ด็อก (Bulldog)


สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group เห็น รูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็ อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

6. ร็อตต์ไวเลอร์ (Rottweller)


สุนัขในกลุ่ม Working Group สุนัข พันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีสีดำ มีแต้มด่างสีน้ำตาลเด่นชัด บริเวณขอบตา ปาก หน้าอก ขาท่อนล่าง และใต้ฐานของหาง ขนสั้น เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ดูสมส่วน ใบหูปรก นิยมตัดหางให้สั้น สุ นัขพันธุ์ร็อตต์ไวเลอร์ ที่ตกเป็นข่าวบ่อยครั้งด้วยความดุร้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่มาจากสัญชาตญาณสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดตั้งแต่อดีต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะสุนัขนักล่าและสุนัขเฝ้ายาม แต่ร็อตต์ไวเลอร์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ชื่อว่าเป็น สุนัขที่มีความฉลาด ชอบการสัมผัสอย่างทะนุถนอม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการฝึกฝนที่ดี จะเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่ง ใจเย็น เป็นทั้งเพื่อนและยามที่ดีของครอบครัว ด้วย ลักษณะภายนอก ความแข็งแรง ความฉลาดของสุนัขพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เพราะมีพื้นที่ให้สุนัขออกกำลังกายได้มากกว่า แต่ก่อนเลือกซื้อ ผู้เลี้ยงควรตัดสินใจให้รอบคอบก่อนว่าเหมาะกับตนหรือไม่ ศึกษาสายพันธุ์ที่ดีเพราะอาจกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าวเกินควบคุม ราคาจำหน่ายลูกสุนัข ระดับประกวด 10,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 4,000-10,000 บาท

5. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)


จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group สุนัข ลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

4. ปั๊ก (Pug)


จัดอยู่ในกลุ่ม Toy Group สุนัข พันธุ์ตัวเล็กหน้าย่น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นสุนัขที่นิยมมากของชาวพุทธในสมัยโบราณ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า ปั๊ก เป็นสัตว์เลี้ยงมงคล เพราะลักษณะรอยย่นของใบหน้ามีความหมายตามความเชื่อที่ดี เป็นสิริมงคลต่อผู้เลี้ยง ปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก ปั๊ก เป็นสุนัขรักเด็ก ร่าเริง กระตือรือร้น มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สูงไม่เกินฟุต มีลักษณะใบหน้าสีดำเหมือนใส่หน้ากาก ขนสั้นละเอียดนุ่ม ลำตัวมีกล้ามเนื้อ ลักษณะทั่วไป กลม ใหญ่ จมูกสั้น ปากสั้น กระหม่อมไม่โค้ง มีรอยย่นที่หัว ปาก แก้มนิ่ม เท้ากลม ฝ่าเท้าแผ่ มีกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 4 ชัดเจน หางม้วนเป็นเกลียวอยู่บนแผ่นหลังตรงสะโพก แต่ สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังไม่ให้อ้วนจนเกินไป อีกทั้งต้องดูแลเรื่องอากาศเนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกสั้น อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ราคาจำหน่ายทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ระดับประกวด 12,000 บาท ขึ้นไป

3. ชิสุ (Shih Tsu)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group ชิ สุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น ชิสุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 -10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ลักษณะของชิสุ ที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้เซ็นเซอร์-->--> ส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของชิสุต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม แม้ ชิสุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ชิสุที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด จากสิถิ ติที่ผ่านมา ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัขมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิสุจึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบ แต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500-15,000 บาท ทั่วไป เริ่มต้นที่ 2,500 บาท

2. โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)


สุนัขในกลุ่ม Sporting Group โกลเด้นรี ทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา นอกจาก ความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า "หมาใจดี" บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้น กับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ โกลเด้นรีทรี ฟเวอร์ เคยเป็นสุนัขยอดนิยม มีผู้เข้าขอจดทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 ในปีก่อน แต่ปีล่าสุดนี้กลับถูกสุนัขพันธุ์เล็กแซงหน้าไปเสียแล้ว ราคาจำหน่าย ปัจจุบัน สุนัขระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 - 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท

1. ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group ปอม เมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อน ข้างลำบาก ให้ลูกน้อย ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป