วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 อันดับดาราที่สวยที่สุด

วันนี้เรามีการจัด 10 อันดับความสวยของดาราไทยที่สวยที่สุดมาให้ดูกันจริงๆ แล้วความสวยนั้นวัดกันยาก และอยู่ที่ความชอบโดยส่วนตัวของแต่ละคนอีกด้วย ฉะนั้นการจัดอันดับความสวยของดาราไทยอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจหลายๆคน ก็คงไม่ว่ากันนะคะ
อันดับความสวยงาม คัดแต่ดาราหญิงนะจ้ะ ไม่รวมดาราชาย อิอิ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายจะสวยกว่าผู้หญิงแล้ว 10 อันดับดาราไทยที่สวยที่สุดได้แก่
อันดับ 10 ได้แก่
แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
อันดับ 9 ได้แก่
นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี
อันดับ 8 ได้แก่
ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่
อันดับ 7 ได้แก่
พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช
อันดับ 6 ได้แก่
ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์
อันดับ 5 ได้แก่
กัญญาพัชญ์ ธนันต์ชัยกานต์ (ชื่อเดิม พลอยปภัส) หรือ หญิง
อันดับ 4 ได้แก่
แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์
อันดับ 3 ได้แก่
จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา
อันดับ 2 ได้แก่
แพท ณปภา ตันตระกูล
และ อันดับ 1 ดาราไทยที่สวยที่สุดได้แก่
อั้ม พัชรา ภาไชยเชื้อ
เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร แสดงความเห็นได้จ้า หรือจะเลือกคนอื่นๆที่ไม่อยู่ใน 10 อันดับมาเสนอกันได้ (ยกเว้นเสนอชื่อตัวเองนะจ้ะ ฮ่าๆ) ปล. การจัดอันดับครั้งนี้ เป็นการจัดอันดับโดยส่วนตัวของแอดมินเองจ้า อิอิ ใครว่า ดาราสาวคนไหนสวยกว่า ก็บอกกล่าวกันได้นะจ้ะ ^_^

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 สัตว์ประหลาดในตำนาน

สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 10 
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ( คีวบิโนะโยโกะ ) ปีศาจในตำนานญี่ปุ่น คำว่า คิว หมายถึง เก้า, บิ หมายถึง หาง และ โยโกะ หมายถึง ปีศาจจิ้งจอก โดยสามารถหมายถึง คิทซึเนะ
ตำนาน ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง สัตว์ประหลาดในตำนาน ประเทศญี่ปุ่น
  • มีที่มาจาก อินเดีย,จีน และ ญี่ปุ่น ซึ่งนัยว่าเป็นปิศาจตนเดียวกัน
  • คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการสืบทอดวัฒนธรรมจากอินเดียไปยังจีน ตามเส้นทางสายไหม และไปยังญี่ปุ่นโดยการเผยแพรทางวัฒนธรรม
  • ชาวญี่ปุ่นโบราณ มักมีความเชื่อเสมอว่า สุนัขจิ้งจอก ตนใดที่มีอายุเกิน100ปีขึ้นไป สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นจะกลายเป็น ปิศาจจิ้งจอก
  • ปิศาจจิ้งจอก มักจะแปลงกายมาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านอยู่เสมอ
  • ปิศาจจิ้งจอก นั้นสามารถสร้างภาพที่เคลื่อนไหวต่างๆให้เป็นภาพลวงตาไว้ คอยกลั่นแกล้งคนที่เดินทางผ่านป่าตอนกลางคืนได้
  • อนเมียวโคคุบงคิวบิ หรือ ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง หนึ่งในผีๆชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 9
พญานาค
เป็นความเชื่อในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นงูขนาดใหญ่มีหงอน เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาลอีกด้วย
ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่อง พญานาค สัตว์ประหลาดในตำนาน ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • น่าจะมาจากอินเดียด้วย
  • มีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ และ ตำนานพุทธประวัติ
  • นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ
  • เชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือ เมืองบาดาล
  • และ เชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่
  • พญานาค นั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง
  • เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง
  • นาคตระกูลธรรมดา จะมีเศียรเดียว
  • แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร
นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร
อนันตนาคราช นั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาค นั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 8 
เท็งกุ
เป็นความเชื่อเรื่อง นกสามขา ที่มีอยู่ทั้งในแถบ ญี่ปุ่นและเกาหลี โดยทางญี่ปุ่นเชื่อว่าเท็งงุ มีภาพลักษณ์ของปีศาจร้าย และมักจะสร้างพายุเข้าโจมตีผู้คนเสมอๆ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ ถูกพายุถล่มบ่อยครั้ง
เท็งงุ เป็นข้ารับใช้ของ ไดเทนกุ ซึ่งมักปรากฏภาพของไดเทนกุ ที่ล้อมรอบไปด้วยเท็งงุ บางความเชื่อนั้นเชื่อว่าเท็งงุไม่ได้เป็นผีร้าย ทั้งยังเป็นปีศาจที่รักสงบและสุภาพ แต่การกระทำร้ายๆนั้น เป็นเพราะเท็งงุต้องทำตามคำสั่ง ของไดเทนกุ
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 7 
ทิคบาลัง ( Tikbalang )
ทิคบาลัง ทิคบาลัง เป็นสัตว์ลึกลับ ครึ่งคนครึ่งม้า ตาสีแดง รูปร่างเหมือนคน หัวเป็นม้า แต่มีสี่ขาเหมือนเซนเทอร์ (สัตว์ในตำนานของกรีก) ขาของมันค่อนข้างยาวสามารถกระโดดได้ไกลมาก ที่อยู่อาศัยของมันอยู่ที่ป่าลึกของ ฟิลิปปินส์  โดยตามความเชื่อของชาวบ้าน ทิคบาลังชอบกินคน โดยการล่อลวงเหยื่อเข้าไปในป่า
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน  อันดับ 6 
แวมไพร์
ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็น ผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่ แวมไพร์ จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพ ร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน
สิ่งที่จะกำราบ แวมไพร์ ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม
วิธีฆ่าแวมไพร์ เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็น แวมไพร์ ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของ แวมไพร์ ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น หวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต
มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น
  • บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า
  • โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา
  • วางไม้กางเขน หรือ ดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง
  • วรรณกรรม แวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุด มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน
วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของแวมไพร์คือ เรื่อง แดรกคูลา ของ บราม สโตกเกอร์ ที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu : A Symphony of Horror ในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น
เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของ แวมไพร์ ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ อาจมีที่มาจากที่ภูมิภาคอเมริกากลางและทวีปอเมริกาใต้
มีค้างคาวขนาดเล็กจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ Desmodontinae มีพฤติกรรมดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน ซึ่งค้าวคาวในวงศ์นี้ก็ได้มีการเรียกชื่อสามัญว่า แวมไพร์ เช่นกัน
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 5 
นางแมงมุม (จูโรคุโมะ )
เชื่อกันว่าเป็น แมงมุมเพศหญิง ที่มีชีวิตติดต่อกันหลายร้อยปี ซึ่งได้ดูดเลือดคนจำนวนมากจนทำให้วิชาอาคมแกร่งกล้าขึ้น พัฒนาเป็นนางแมงมุมในตอนกลางวันนางจะแปลงร่างเป็นผู้หญิงสาวสวยหลอกล่อผู้ชาย มาดูดเลือด
ในอดีต โชกุนมินาโมโตะ โยริมิตสึ เกิดล้มป่วยลง รักษายังไงก็ไม่หายเสียที จึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีปัดเป่าวิญญาณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทนปวดหัว ไข้ขึ้น ทรมานอยู่อย่างนั้น กระทั่งคืนวันหนึ่ง มีพระสงฑ์รูปหนึ่ง สูงประมาณ 2 เมตรมาปรากฏตัวตรงด้านหลังโคมไฟในห้องของท่าน และย่างเท้าเข้ามาหา พร้อมกับปล่อยใยแมงมุมใส่ โชกุนตื่นขึ้นมาพอดี (ขนาดป่วยนะเนี่ย ) จึงรีบคว้าดาบของ ฮิซาคิริมารุ ซึ่งมานอนเฝ้าไข้ ขึ้นมาฟันปีศาจตนนั้นเต็มแรง เมื่อผู้ติดตามด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบรุดเข้ามา ทันเห็นรอยเลือดหยดอยู่ข้างโคมไฟ จึงติดตามรอยนั้นไปจนถึงเนินดินเก่า ๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาจึงลองขุดเนินดินนั้นดู ก็พบปีศาจแมงมุมตัวใหญ่ ผุดขึ้นมาปล่อยใยแมงมุมอีกรอบ แต่ก็โดนฆ่าตายในที่สุด จากนั้นเป็นต้นมา ท่านโชกุนก็หายจากอาการประหลาดนี้เป็นปลิดทิ้ง และไม่เคยป่วยอีกเลยตราบสิ้นอายุขัย
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน  อันดับ 4 
Ala
เป็นสัตว์ในตำนานที่บันทึกไว้ใน บัลแกเรีย ลักษณะเป็นเหมือนลมสีดำ รูปร่างไม่แน่ชัด อาจจะเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ที่สำคัญมันมีความโลภมากๆ และชอบกินเด็กอีกด้วย (ดีนะโตแล้ว) แถมหลายคน
บางเผ่า ยังมีความเชื่อว่า เจ้า Ala สามารถกลินกิน พระอาทิตย์หรือ ดวงจันทร์ ได้อีกด้วย ทำให้ก่อให้เกิดสุริยุปราคา (หรือว่าจะเป็นราหู ???) ถ้ามันทำสำเร็จจะหมายถึงหายนะของโลกนี้
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 3 
เสือสมิง
เป็นตำนานที่กล่าวขานกันมาแต่ นมยาน เอ่ย นมนาน ถึงความน่ากลัวของ ศาสตร์อาถรรพ์ เสือสมิง ที่มีปรากฏเกิดขึ้นว่า
  • เสือที่ดุร้ายและมักชอบจับคนกินเป็นอาหาร
  • เมื่อกินคนมากเข้าวิญญาณคนที่ินเข้าไปนั้น ก็อยู่สิงสู่ในกายเสือ
  • ทำให้เสือตัวนั้นมีความเป็นอาถรรพ์ ที่สามารถจำแลงแปลงกาย เป็นใครต่อใครก็ได้ เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้หลงกล
  • ครั้นยิ่งกินคนมากขึ้น วิญญาณก็ยิ่งสิงสู่ในตัวเสือมากเข้าเท่าใด เสือตัวนั้นก็ยิ่งมีฤทธิ์มีอำนาจมากขึ้นเป็นทวีคูณ
อีกอย่างที่ทำให้เกิดความเป็นเสือสมิง คือ พวกที่เรียนวิชาเสือ คือการเรียกเอาวิญญาณเสือนั้นมาเข้าสิงในตน ผนวกกับคนผู้นั้นร่ำเรียนอาคมในทางเดรัจฉานวิชาด้วย
เมื่อนานเข้า เกิดการรวมตัวในทั้งสองเรื่องที่กล่าว คือ ทั้งวิชาเรียกเสือ และอาคม ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเสือสมิง ครั้นเสือตนนี้ได้ไปกินคนเข้า ก็กลายเป็นเสือสมิงโดยสมบูรณ์
สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 2 
มานานังเกล
โดยรูปร่างของ มานานังเกล มีรูปร่าง และหน้าเป็นผู้หญิงโบราณสวย แต่มีปีกขนาดใหญ่ที่หลังมีความสามารถถอดลำตัวของมันแยกออกได้โดยไม่ตาย (ผีแล้วนั้น) และบินออกไปหาเหยื่อ
เรื่องของเจ้า มานานังเกล นั้นน่ากลัวมาก โดยที่ เกาะวิซายัน
  • ผู้คนแขวนกระเทียมจำนวนมาก เพื่อป้องกันเจ้า มานานังเกล 
  • นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าถ้าเอาเกลือมาพรมที่พักของ มานานังเกล และพรมที่ท่อนบนที่เจ้า มานานังเกล แยกตัวออก(ตรงรอยต่อนั้นแหละ) มันจะตายเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
  • ความจริง มานานังเกล ก็ไม่มีอันตรายอย่างตรงไปตรงมา เว้นสิ่งเหลวที่พ่นใส่ปากหญิงตั้งครรภ์จะทำลายเด็กในครรภ์ได้
  • ชอบกินหัวใจเด็ก(เหมือนปอบ)
  • ชอบกินลูกไก่ของชาวบ้านอีกด้วย

สัตว์ประหลาดในตำนาน
สัตว์ประหลาดในตำนาน อันดับ 1 
ไลแคนท์
ไลแคนท์ หรือ Lycantrope คือ มนุษย์ที่ถูกสาบด้วยเวทมนต์ หรือยินยอมที่จะเป็น หรือถูกกัดโดยไลแคนท์ตัวอื่น (สืบทอดทางสายเลือดด้วย) ในตอนแรกจะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ถ้าปล่อยจนเนิ่นนานจะกลายเป็นไลแคนท์เต็มตัว เพราะจะไม่สามารถควบคุมจิตใจของตนได้อีกต่อไป
ส่วนวิธีแก้ ไลแคนท์ คือ ต้องถอนคำสาปก่อนที่จะกลายเป็นไลแคนท์เต็มตัว ไม่งันจะกลับไปเป็นมนุษย์อีกไม่ได้
  • แต่ว่าถ้าสิบทางสายเลือดนี่ หมดทางเยียวยา!
  • บางครั้งอาจเรียกมนุษย์ที่ถูกสาปเป็นสัตว์ร้ายว่า Lycantrope ได้เหมือนกัน

10 อันดับสุนัขสุดฮิต ติดอันดับยอดนิยมของโลก

10. ชิ วา วา (พันธุ์ขนเรียบ),(Chihuahua smooth coat)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group ยัง คงครองอันดับ 10 อย่างอยู่ตัว ตั้งแต่ ปี 2545 เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนาดพกพา ตาโต ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก อดีตเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารและถูกบูชายัญ มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ขนเรียบและพันธุ์ขนยาว ชิ วา วา มีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว มีน้ำหนักเฉลี่ย 0.9 - 2.7 กิโลกรัม จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ อาจมีสีเดียวอย่างแดงน้ำตาล ทอง หรือสลับขาวน้ำตาล หัว หน้าผากต้องกลมโค้งเป็นรูปแอปเปิ้ล หูตั้ง ปากสั้นแหลม ขนสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ขนยาวจะไม่หยิกม้วน สุนัขพันธุ์นี้หลายคนต่างหลงใหล เพราะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ ขี้ประจบ เป็นสุนัขเฝ้าระวัง เตือนภัยได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ไม่ชอบอากาศเย็น ราคาจำหน่าย ทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,000-10,000 บาท ระดับประกวด ราคา 10,000 บาท ขึ้นไป

9. บีเกิ้ล (Beagle)


สุนัขในกลุ่ม Hound Group สุนัข ล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บี เกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะ ทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000-15,000 บาท

8. ยอร์กไชร์เทอร์เรีย(Yorkshire Terrier)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group สุนัข ตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่นในอพาร์ตเม้นต์ได้ดี ลักษณะ ทั่วไป สี มี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000 - 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด

7. บูลล์ด็อก (Bulldog)


สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group เห็น รูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็ อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

6. ร็อตต์ไวเลอร์ (Rottweller)


สุนัขในกลุ่ม Working Group สุนัข พันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีสีดำ มีแต้มด่างสีน้ำตาลเด่นชัด บริเวณขอบตา ปาก หน้าอก ขาท่อนล่าง และใต้ฐานของหาง ขนสั้น เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ดูสมส่วน ใบหูปรก นิยมตัดหางให้สั้น สุ นัขพันธุ์ร็อตต์ไวเลอร์ ที่ตกเป็นข่าวบ่อยครั้งด้วยความดุร้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่มาจากสัญชาตญาณสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดตั้งแต่อดีต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะสุนัขนักล่าและสุนัขเฝ้ายาม แต่ร็อตต์ไวเลอร์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ชื่อว่าเป็น สุนัขที่มีความฉลาด ชอบการสัมผัสอย่างทะนุถนอม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการฝึกฝนที่ดี จะเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่ง ใจเย็น เป็นทั้งเพื่อนและยามที่ดีของครอบครัว ด้วย ลักษณะภายนอก ความแข็งแรง ความฉลาดของสุนัขพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เพราะมีพื้นที่ให้สุนัขออกกำลังกายได้มากกว่า แต่ก่อนเลือกซื้อ ผู้เลี้ยงควรตัดสินใจให้รอบคอบก่อนว่าเหมาะกับตนหรือไม่ ศึกษาสายพันธุ์ที่ดีเพราะอาจกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าวเกินควบคุม ราคาจำหน่ายลูกสุนัข ระดับประกวด 10,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 4,000-10,000 บาท

5. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)


จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group สุนัข ลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

4. ปั๊ก (Pug)


จัดอยู่ในกลุ่ม Toy Group สุนัข พันธุ์ตัวเล็กหน้าย่น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นสุนัขที่นิยมมากของชาวพุทธในสมัยโบราณ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า ปั๊ก เป็นสัตว์เลี้ยงมงคล เพราะลักษณะรอยย่นของใบหน้ามีความหมายตามความเชื่อที่ดี เป็นสิริมงคลต่อผู้เลี้ยง ปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก ปั๊ก เป็นสุนัขรักเด็ก ร่าเริง กระตือรือร้น มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สูงไม่เกินฟุต มีลักษณะใบหน้าสีดำเหมือนใส่หน้ากาก ขนสั้นละเอียดนุ่ม ลำตัวมีกล้ามเนื้อ ลักษณะทั่วไป กลม ใหญ่ จมูกสั้น ปากสั้น กระหม่อมไม่โค้ง มีรอยย่นที่หัว ปาก แก้มนิ่ม เท้ากลม ฝ่าเท้าแผ่ มีกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 4 ชัดเจน หางม้วนเป็นเกลียวอยู่บนแผ่นหลังตรงสะโพก แต่ สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังไม่ให้อ้วนจนเกินไป อีกทั้งต้องดูแลเรื่องอากาศเนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกสั้น อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ราคาจำหน่ายทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ระดับประกวด 12,000 บาท ขึ้นไป

3. ชิสุ (Shih Tsu)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group ชิ สุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น ชิสุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 -10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ลักษณะของชิสุ ที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้เซ็นเซอร์-->--> ส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของชิสุต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม แม้ ชิสุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ชิสุที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด จากสิถิ ติที่ผ่านมา ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัขมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิสุจึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบ แต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500-15,000 บาท ทั่วไป เริ่มต้นที่ 2,500 บาท

2. โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)


สุนัขในกลุ่ม Sporting Group โกลเด้นรี ทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา นอกจาก ความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า "หมาใจดี" บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้น กับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ โกลเด้นรีทรี ฟเวอร์ เคยเป็นสุนัขยอดนิยม มีผู้เข้าขอจดทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 ในปีก่อน แต่ปีล่าสุดนี้กลับถูกสุนัขพันธุ์เล็กแซงหน้าไปเสียแล้ว ราคาจำหน่าย ปัจจุบัน สุนัขระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 - 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท

1. ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)


สุนัขในกลุ่ม Toy Group ปอม เมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อน ข้างลำบาก ให้ลูกน้อย ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 อันดับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่โด่งดังที่สุด


10. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อังกฤษ: Thammasat University; ชื่อย่อ: มธ. - TU) เป็นมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดวิชา เพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมือง สำหรับประชาชนทั่วไป เมื่อเริ่มก่อตั้งใช้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (อังกฤษ: University of Moral and Political Sciences; ชื่อย่อ: มธก. - UMPS) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมืองและความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519

9. มหาวิทยาลัยมหิดล

มหาวิทยาลัยมหิดล มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่การเป็นโรงเรียนแพทย์ ณ โรงศิริราชพยาบาล ชื่อว่า "โรงเรียนแพทยากร" ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2432 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ให้เป็นชื่อมหาวิทยาลัยว่าแทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดิม

8. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แรกก่อตั้งในปี พ.ศ. 2502 โดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ภายใต้ชื่อ "โรงเรียนเทคนิคพระนครเหนือ" หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า "เทคนิคไทย-เยอรมัน" ก่อนจะยกฐานะเป็น "วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ" ในปี พ.ศ. 2507 และ "สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตพระนครเหนือ" ในปี พ.ศ. 2514 ต่อมาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าทั้งสามวิทยาเขตได้รับการยกฐานะเป็น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปี พ.ศ. 2529 โดยมีอำนาจบริหารอิสระจากกัน ซึ่งในปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือแบ่งออกเป็น 2 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตกรุงเทพมหานครฯ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานครฯ และ วิทยาเขตปราจีนบุรี ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองฯ จังหวัดปราจีนบุรี

7. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ของประเทศไทย[ต้องการอ้างอิง] ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2510 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 จึงถือว่าวันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสงขลานครินทร์ ในระยะแรกของการก่อตั้ง ได้รับนักศึกษาเข้าศึกษาครั้งแรกในคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้อาคารเรียนของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยมหิดล) เป็นสถานที่ศึกษา และปีต่อมา พ.ศ. 2511 ก็เริ่มย้ายนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์มาเรียนที่จังหวัดปัตตานี ในปี พ.ศ. 2514 ย้ายนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์มาเรียนที่ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นวิทยาเขตที่ใหญ่ที่สุด พ.ศ. 2520 เปิดวิทยาเขตภูเก็ต พ.ศ. 2533 เปิดวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และ พ.ศ. 2534 เปิดวิทยาเขตตรัง

6. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่นเป็นมหาวิทยาลัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งขึ้นและสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การศึกษาชั้นสูงขยายออกไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งภูมิภาคที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งต่อไปจะเป็นผลดีต่อการพัฒนายกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคนี้ พระองค์เสด็จฯมาทรงประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 และได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2509 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีอธิการบดีดำรงตำแหน่งมาแล้ว 15 คน อธิการบดีคนปัจจุบัน คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ.ดร.สุมนต์ สกลไชย

5. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่ตั้งขึ้นในส่วน ภูมิภาค และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เรียกชื่อตามชื่อเมือง ปัจจุบันมหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ อำเภอเมือง เชียงใหม่ ขนาบข้างด้วยถนนห้วยแก้ว และถนนสุเทพ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 ก.ม. และมีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่เศษ เปิดทำการสอน เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2507

4. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) หรือที่รู้จักในชื่อ "บางมด" เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล เดิมชื่อ วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัย ดีเลิศ ด้านการวิจัยและ ดีเยี่ยม ด้านการเรียนการสอน โดยการจัดอันดับเพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย ปี 2548 จากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

3. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ตามพระราชบัญญัติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ. 2551 (ยกเลิก ฉบับปี 2528) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้การศึกษา การค้นคว้าวิจัย และการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้า ทางอุตสาหกรรม และ เศรษฐกิจของประเทศเดิมที สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พ.ศ. 2514 ด้วยการรวม วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และวิทยาลัยเทคนิคธนบุรี เข้าด้วยกัน โดยแต่ละแห่งมีฐานะเป็นวิทยาเขต วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี เป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตนนทบุรี และในปีเดียวกันนั้นได้ย้ายไปที่ อำเภอลาดกระบัง เป็นวิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ประกอบด้วยพระนาม "พระจอมเกล้า" ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานตามพระบรม นามาภิไธย แห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญตรา "พระมหามงกุฎ" มาเป็นสัญลักษณ์แห่งสถาบันฯ ด้วย นับเป็นสิ่งอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นมหามงคลยิ่งส่วนคำว่า "เจ้าคุณทหาร" นั้น มีไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "เจ้าคุณทหาร" ตามที่ ท่านเลี่ยม พรตพิทยพยัต ทายาทของท่านได้แจ้งความประสงค์ไว้ในการบริจาคที่ดิน ที่เป็นที่ตั้งของสถาบันฯ ในปัจจุบัน

2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศ ลำดับที่ 3 นับจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีปณิธาณในการก่อตั้งเพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่การกสิกรรมและการเศรษฐกิจของประเทศ

1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ถือกำเนิดจาก "โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน" ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อปี พ.ศ. 2442 พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ "พระเกี้ยว" มาเป็นเครื่องหมายประจำโรงเรียน การดำเนินงานของโรงเรียนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 (ขณะนั้นนับวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ นับอย่างใหม่ต้องเข้าปี พ.ศ. 2460) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงประดิษฐานขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย และพระราชทานนามว่า "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติแห่งพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมชนกนาถของพระองค์ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2460 ถึงปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีผู้บัญชาการและอธิการบดีดำรงตำแหน่งมาแล้ว 16 คน อธิการบดีคนปัจจุบัน คือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ภิรมย์ กมลรัตนกุล

แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต เมืองระยองฮิ

ระยอง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท.คู่หูเดินทาง และ tat-rayong.com

          ระยอง เมืองชายทะเลฝั่งตะวันออก ที่ได้รับการขนานนาม ให้เป็นเมืองแห่งกวีศรีรัตนโกสินทร์ "สุนทรภู่" ผู้มีผลงานวรรณกรรมประเภทร้อยแก้วที่ยากจะหา ผู้ใดมาเทียบเทียม โดยเฉพาะนิทานกลอนสุภาพเรื่อง พระอภัยมณี โดยฉากในนิทานเรื่องนี้ คือบริเวณหมู่เกาะน้อยใหญ่ และท้องทะเลที่สวยงามในจังหวัดระยองนั่นเอง

          นอกจากความงดงามของธรรมชาติ ระยอง ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลที่สำคัญ เป็นแหล่งปลูกผลไม้เมืองร้อนที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะ เงาะ ทุเรียน มังคุด และยังเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นเขต เศรษฐกิจแห่งใหม่ของประเทศ ทางหลวงสายสำคัญจากทุกภูมิภาคที่มุ่งหน้าสู่เมืองระยอง ถูกจัดสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคอุตสาหกรรม แต่ขณะเดียวกัน ก็เอื้อประโยชน์ให้การเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดระยอง รวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โรงแรม ร้านอาหาร ที่ได้มาตราฐาน 

          และนี่คือแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน

 เกาะกุฎี (เกาะกุด)

          เป็นเกาะหนึ่งในวรรณกรรม "พระอภัยมณี" ของสุนทรภู่ อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด ห่างจากฝั่งประมาณ 6 กิโลเมตร มีหาดทรายสวยงามเหมาะแก่การเล่นน้ำ แค้มป์ปิ้ง ดำน้ำชมปะการังที่ยังคงความสมบูรณ์และสวยงาม

 เกาะทะลุ

          ห่างจากเกาะกุฎีไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร หรือห่างจากเกาะเสม็ด 12 กิโลเมตร มีหาดทรายที่ขาวสะอาด และมีแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่บริเวณโดยรอบ สามารถดำน้ำลึกได้อีกแห่งหนึ่ง


 เกาะเสม็ด (เกาะแก้วพิศดาร)

          ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง ระยอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วย อ่าว และหาดทรายสวยงามมากมาย เช่น หาดทรายแก้ว เป็นหาดทรายที่ยาวและสวยที่สุด ของเกาะ อ่าววงเดือน ซึ่งเป็นหาดที่มีลักษณะโค้งเสี้ยวพระจันทร์ บนเกาะมีที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย

 เขาวง

          เขาวงมีพื้นที่ 4.40 ตารางกิโลเมตร ชาวบ้านมักจะเรียกว่า เขาวงกต เพราะมีภูเขาล้อมวงเป็นชั้นๆ มีโพรงถ้ำที่สลับซับซ้อนคล้ายเขาวงกต มีหน้าผาและชะโงกผาที่สวยงาม ประกอบด้วยถ้ำประมาณ 80 ถ้ำ เช่น ถ้ำเพชร ถ้ำละคร ถ้ำสิงห์โต ถ้ำค้างคาว ถ้ำโรงบ่อน ถ้ำเต่า เป็นต้น แต่ละถ้ำมีความสวยงามแต่งต่างกัน นอกจากนี้บริเวณพื้นที่รอบ ๆ เขาวง ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเลียงผา ที่เป็นสัตว์ป่าสงวน ปัจจุบันเปิดให้ชม 20 ถ้ำ


 เขาแหลมหญ้า

          อยู่เลยบ้านก้นอ่าวไปเล็กน้อย ตามถนนเลียบชายหาด เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ริมทะเล มีเนื้อที่บางส่วนเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล ปกคลุมด้วยป่าละเมาะ มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นหาดแม่รำพึง และเป็นจุดที่อยู่ใกล้เกาะเสม็ดมากที่สุดอีกด้วย สามารถชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามได้ที่ท่าเรือศรีวิกา ซึ่งเป็นท่าเรือของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด นอกจากนี้ยังมีบริการบ้านพักและเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 038 - 653 - 034

 ตลาดบ้านเพ

          ตลาดบ้านเพ อ.เมือง ระยอง เป็นท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา และที่ตั้งท่าเรือไปเกาะเสม็ด เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์อาหารจากทะเลแหล่งใหญ่ของจังหวัดระยอง


น้ำตกเขาชะเมา (น้ำตกคลองน้ำใส)

          น้ำตกเขาชะเมา หรือ น้ำตกธารน้ำใส แยกจากถนนสุขุมวิท กม.274 เลี้ยวซ้ายเข้าไป 16 กิโลเมตร อยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานฯ ลักษณะเป็นธารน้ำใส รองรับน้ำตกขนาดใหญ่ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ประกอบด้วยชั้นน้ำตกที่สวยงามหลายชั้น คือ วังมัจฉา วังมรกต ผากล้วยไม้ ช่องแคบ น้ำตกหกสาย และผาสูง ในชั้นวังมัจฉา มีปลาพลวง ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ อาศัยอยู่อย่างชุกชุม เป็นจุดดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมี ผาสวรรค์ เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล ระหว่างทางเดินสามารถพบเห็นธรรมชาติที่สวยงาม พันธุ์ไม้นานาชนิด เหมาะแก่การศึกษาธรรมชาติ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 038 - 894 - 378

น้ำตกคลองปลาก้าง

          น้ำตกคลองปลาก้าง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีความยาวลดหลั่นกันประมาณ 3 กิโลเมตร น้ำตกคลองปลาก้างมีทั้งหมด 7 ชั้น คือ วังช้างผ่าน ลานผีเสื้อ แอ่งเครือสะบ้า ลานประตูผา ธารเกาะกลาง วังกระชาย ธารสายหมอก ตลอดทั้งสองฝั่งลำธารน้ำตกเป็นป่าดงดิบบริสุทธิ์ มีกล้วยไม้ป่า พืชพื้นล่างจำพวกว่าน เฟิร์น ขึ้นปกคลุมหนาแน่น น้ำตกคลองปลาก้างเป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของอุทยาน ประกอบด้วยชั้นน้ำตกและวังน้ำต่าง ๆโดยเฉพาะวังช้างข้ามที่เป็นชั้นน้ำตก ขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 038 - 894 - 378

พระเจดีย์กลางน้ำ

          ความงดงามแห่งศรัทธาบนเกาะกลางแม่น้ำระยอง ห่างจากตัวเมืองระยองไปทางใต้ 2 กิโลเมตร เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดระยอง คือ พระศรีสมุทรโภคชัยโชค ชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นผู้สร้าง ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์ของชาวเรือว่าได้เดินทางมาถึงเมืองระยองแล้ว ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของวัดปากน้ำ ในวันเพ็ญเดือน 12 จะมีงานประเพณีห่มผ้าพระเจดีย์ แข่งเรือยาวและงานลอยกระทง ซึ่งได้จัดสืบทอดกันมา 60 กว่าปีแล้ว


พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน

          จัดแสดงอยู่ที่วัดบ้านดอน ต.เชิงเนิน อ.เมือง ระยอง มีหนังใหญ่ 120 ตัว อายุกว่า 200 ปี เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดระยอง คือ พระศรีสมุทรโภคชัยโชค ชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นผู้ถวายไว้ สนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์กรุณาติดต่อท่านเจ้าอาวาส


วัดป่าประดู่

          ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงในปี พ.ศ.2533 ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ประทับอยู่ในท่าตะแคงซ้าย ซึ่งเป็นพุทธลักษณะพิเศษกว่าพระนอนองค์อื่น ๆ ชาวระยองนิยมมากราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นศิริมงคล

วัดโขดทิมธาราม

          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าประดู่ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดระยอง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2007 ผู้สร้างชื่อทิม เป็นเจ้าเมืองระยองในสมัยนั้น สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภายในอุโบสถมีภาพจิตกรรมฝาผนังของช่างฝีมือท้องถิ่น ในพระอุโบสถหลังเก่าอันทรงคุณค่า ซึ่งภาพทั้งหมดเป็นภาพทศชาติชาดก ครบทั้งสิบชาติ และหลวงพ่อขาวที่เป็นที่เคารพสักการะบูชาของชาวระยอง อายุกว่า 500 ปี  มีการจัดงานประจำปี ในวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี
 
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

          อยู่ในบริเวณวัดลุ่มมหาชัยชุมพล ถนนตากสิน ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยอง มีต้นสะตือขนาดใหญ่อยู่บริเวณหน้าศาล อายุประมาณ 300 ปี เล่ากันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงนำช้างมาผูกไว้ที่ต้นสะตือเมื่อเสด็จผ่านระยองไปเพื่อรวบรวมไพร่พล และตั้งทัพเพื่อเตรียมกู้อิสรภาพที่จันทบุรี ภายในศาลมีรูปหล่อของสมเด็จพระเจ้าตากสินในท่าประทับยืน และประทับนั่ง ประดิษฐานอยู่

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง (Rayong Aquarium)

          ตั้งอยู่ริมอ่าวบ้านเพ เป็นสถานที่ศึกษา ทดลอง และวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ทะเลและพรรณไม้น้ำ อีกทั้งเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์สัตว์น้ำที่สวยงามและหายาก รวมทั้งความรู้ด้านทรัพยากรสัตว์ทะเลและการประมง โดยแบ่งการจัดแสดงเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำมีชีวิต พันธุ์ไม้น้ำของไทย และมีอุโมงค์ทางเดินใต้ทะลจำลองสัมผัสกับสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด ส่วนจัดแสดงนิทรรศการ และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-17.00 น. ปิดวันจันทร์-อังคาร


สวนสน หรือ สวนรุกขชาติเพ

          อยู่ถัดจากบ้านเพ และท่าเรือเกาะเสม็ด ตามถนนเลียบชายหาด สวนสน หรือ สวนรุกขชาติเพเป็นชายหากที่เหมาะแก่การเล่นน้ำ บรรยากาศร่มรื่นด้วยทิวสนทะเลตลอดสองข้างทาง ให้คุณรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังเป็นจุดชมวิวเกาะเสม็ดที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง

สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

          ตั้งอยู่บริเวณศูนย์บำรุงรักษาและบ้านพัก ปตท. บนถนนทางหลวงหมายเลข 3191 ต.มาบข่า กิ่งอ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เปิดทำการวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (หยุดวันจันทร์) เป็นสวนที่ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด มิติการเรียนรู้ด้านสมุนไพรอย่างสนุกสนาน เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์สมุนไพรมากกว่า 20,000 ต้น (260 ชนิดโดยจัดกลุ่มจำแนกตามสรรพคุณการรักษาตามคัมภีร์ยาไทยโบราณ 20 กลุ่มอาการ) เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชม พักผ่อนหย่อนใจ และศึกษาหาความรู้ด้านพฤษศาสตร์และสมุนไพร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการสวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ โทร.038-915213-5 โทรสาร. 038-915216

หมู่เกาะมัน

          ประกอบด้วย 3 เกาะ คือ เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก เกาะมันใน - เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ โดยมีพระราชประสงค์ให้เกาะมันในเป็นที่ดำเนินโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล โดยให้หน่วยงานกรมการประมง และกองทัพเรือดำเนินงานในโครงการ

          บนเกาะมีต้นไม้นานาพันธุ์ และนกนานาชนิด บริเวณทางเดินหน้าชายหาดไปยังบ่อเต่าทะเล มีแนวต้นมะพร้าวสลับกับต้นป่านศรนารายณ์เรียงกันเป็นแนวสวยงาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ม.6 ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง โทรศัพท์ 038 - 657 - 699,038 - 657 - 383 เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก – เป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยงาม เงียบ สงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน มีบ้านพักของเอกชนไว้บริการ 


หอพระพุทธอังคีรส

          เป็นอาคารทรงไทย หลังคาจัตุรมุข อันเป็นที่ประดิษฐานของ "พระพุทธอังคีรส" ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองระยอง ตั้งอยู่ในบริเวณสวนศรีเมือง ชาวเมืองนิยมเรียกว่า "เกาะกลาง" ตั้งอยู่กลางเมือง ด้านหลังที่ทำการเทศบาลนครระยอง มีเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ เป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ และสวนสุขภาพสำหรับประชาชน

หาดพยูน หาดพลา หาดน้ำริน

          ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านฉาง เป็นหาดที่มีความสวยงาม สงบ ร่มรื่นด้วยสวนสนทะเล เหมาะแก่การพักผ่อน มีที่พัก และร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว และบริเวณหาดน้ำริน ยังมีหินแกะสลักเป็นรูปครอบครัวพยูนขนาดใหญ่ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย

หาดแม่รำพึง - บ้านก้นอ่าว

          อยู่ห่างจากตังเมืองระยองประมาณ 11 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิทมีทางแยกขวา(กม.229) เข้าหาดแม่รำพึง ชายหาดมีความยาว 12 กิโลเมตร ถนนเลียบหาดมีความยาว 10 กิโลเมตร ชายหาดสะอาดเหมาะแก่การเล่นน้ำ มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย บริเวณสุดหาดเป็นที่ตั้งของบ้านก้นอ่าว ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงพื้นบ้าน

หาดแสงจันทร์

          ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำใหม่ ห่างจากตัวเมืองระยอง 7 กิโลเมตร เป็นชายหาดติดต่อกับหาดแหลมเจริญ สามารถเล่นน้ำทะเลได้ มีร้านอาหาร และที่พักไว้บริการ

หาดแหลมเจริญ

          ตั้งอยู่ใกล้ปากน้ำระยอง ห่างจากตัวเมืองระยองมาทางใต้ 5 กิโลเมตร ติดกับหาดแสงจันทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลที่อยู่ใกล้ตัวเมืองระยองมากที่สุด เป็นแหล่งผลิตน้ำปลาที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมง นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายอาหารทะเล ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปรับประทานอาหารในช่วงเย็นด้วย


แหลมแม่พิมพ์

          ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแกลง ห่างจากตัวเมืองระยอง 48 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิทมีทางแยกขวาไปแหลมแม่พิมพ์ได้หลายเส้นทางด้วยกัน ธรรมชาติสวยงามเหมาะแก่การเล่นน้ำ มีบริการที่พักและร้านอาหารตลอดแนวชายหาด


อนุสาวรีย์สุนทรภู่

          ตั้งอยู่เลยแหลมแม่พิมพ์ไปทาง อ.แกลง ประมาณ 5 กม. เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงท่านสุนทรภู่ กวีศรีรัตนโกสินทร์ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน

อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง

          ห่างจากตัวอำเภอแกลง 20 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวเมืองระยอง 71 กิโลเมตร มีสภาพป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดระยอง มีสัตว์ป่าชุกชุม และมีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตก หน้าผา ถ้ำ ทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงาม แวดล้อมไปด้วยป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้จำพวกว่านต่าง ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ คือ ปากน้ำประแสร์ สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในอุทยานแห่งชาตินี้ได้แก่ น้ำตกเขาชะเมา น้ำตกคลองปลาก้าง และเขาวง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 3889 4378 

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด

          ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเพ ห่างจากตัวเมืองระยอง 20 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในทะเล ตลอดจนเกาะต่างๆ ในเขตอำเภอเมือง และอำเภอแกลง มีสถานที่น่าสนใจ คือ หาดแม่รำพึง บ้านก้นอ่าว เขาแหลมหญ้า จุดชมพระอาทิตย์ตกท่าเรือศรีวิกา เกาะเสม็ด

ปากน้ำประแส

           ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จากอำเภอแกลงเดินทางมาทางด้านทิศตะวันออกตามถนนสุขุมวิทประมาณ 12 กิโลเมตร จะพบสามแยกประแส แล้วเลี้ยวขวาเข้ามายังปากน้ำประแส ตำบลปากน้ำกระแส เป็นชุมชนริมแม่น้ำตั้งแต่สมัยอยุธยา มีแม่น้ำประแสกั้นเขตตำบล มีลำคลองลงสู่ทะเล มีการทำนากุ้ง เลี้ยงปลาน้ำกร่อย ส่วนริมฝั่งแม่น้ำประแส มีท่าเรือประมงขนาดใหญ่ บริเวณปากแม่น้ำเป็นชุมชนหนาแน่น เป็นแหล่งการค้า ชาวบ้านทำเกษตร ประมงพื้นบ้าน เลี้ยงปลาเก๋า เลี้ยงปลาในกะชัง ประมงทะเลลึก ผลิตภัณฑ์ทางการประมง

          นอกจากนี้ ยังมี สะพานชมป่าชายเลน เป็นสะพานไม้สร้างจากเงินกองทุนหมู่บ้าน ทอดแนวยาวลัดเลาะไปตามแนวต้นโกงกาง พาดผ่านไปบนยอดต้นโปรงสีเขียวตองอร่ามตา ไปบรรจบกับปลายสะพานทุ่งโปรงทอง โดยสะพานแห่งนี้ทอดไปสิ้นสุดที่ทะเลประแส และ สะพานป่าชายเลนบ้านหัวโขด โดยชุมชนชาวปากน้ำประแสร่วมกันสร้างไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยว กับวงจรชีวิตของธรรมชาติป่าชายเลน รวมถึงมี แพชมหิ่งห้อย ให้ได้ล่องเรือดูหิ่งห้อยปากน้ำประแสร์ชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ ในพื้นที่มีบ้านพักและโฮมสเตย์ของเอกชนไว้รองรับนักท่องเที่ยว